เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในปี 2567 จากการท่องเที่ยวและการส่งออก
เราต้องระมัดระวังผลข้างเคียง โดยเฉพาะหากไทยลดอัตราดอกเบี้ยก่อนสหรัฐฯ ทำให้สินทรัพย์ที่เป็นสกุลเงินบาทสูญเสียความน่าดึงดูด ส่งผลให้เงินทุนไหลออก เงินบาทอ่อนค่ากระทบผู้นำเข้า และรายจ่ายภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะน้ำมัน แม้ว่าผู้ส่งออกและภาคการท่องเที่ยวจะได้ประโยชน์ แต่ก็ยากที่จะประเมินว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องจะคุ้มค่าหรือไม่ และเราต้องเตรียมประเมินว่าเราได้หรือขาดทุนจากการลดอัตราดอกเบี้ยรอบนี้ ปัจจัยในประเทศที่อาจฉุดการเติบโต ได้แก่ หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงซึ่งมีต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น ผลกระทบจากภัยแล้ง และปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ความสามารถในการแข่งขันที่ลดลงในหลายอุตสาหกรรม ความเสี่ยงภายนอก ได้แก่ ผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่สูงในรอบสองทศวรรษในประเทศเศรษฐกิจหลักๆ และการชะลอตัวของจีน ในประเทศไทย อัตราเงินเฟ้อราคาผู้บริโภคผ่อนคลายลง โดยลดลงเหลือเพียง zero.23% ในเดือนมิถุนายน 2566 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็น zero.88% ในเดือนสิงหาคม 2566 ทีมงาน Country Risk ของเราคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอลงในปี 2566 โดยเฉลี่ย 2.0% ต่อปี และสิ้นสุดปี 2566 ในอัตราเดียวกัน . ความเสี่ยงในขณะนี้คืออัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นและยังคงอยู่ในระดับสูงเกินกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจะเร่งให้กำลังซื้อภาคครัวเรือนพังทลายลง ในปี 2567 แรงกดดันด้านเงินเฟ้อของไทยจะมีแนวโน้มลดลงอีก โดยทีม Country Risk ของเราคาดการณ์ไว้เพียง 1.8% บ่งชี้ว่ากำลังซื้อของครัวเรือนจะยังคงได้รับการปกป้อง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของเรายังมีความเสี่ยงเนื่องจากอัตราเงินเฟ้ออาจพุ่งสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากการอุดหนุนและโครงการลดหย่อนภาษีต่างๆ … Read more